ปัจจัยสำคัญในการทำให้เกิดอุณหภูมิของอากาศ
ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการกระจายความร้อน – หนาว ของอุณหภูมิตามพื้นผิวโลก คือ
1. การตกกระทบของแสงจากดวงอาฑิตย์ 2. ตำแหน่งที่ตั้งทางละติจูด
3. ความแตกต่างระหว่างพื้นดินและพื้นน้ำ 4. ความใกล้-ไกลจากทะเลและมหาสมุทร
5. ลักษณะความสูงต่ำของพื้นที่ 6. ลมประจำ
7. กระแสน้ำในมหาสมุทร
1.การตกกระทบชองลำแสงจากดวงอาฑิตย์
แหล่งสำคัญของความร้อนที่บรรยากาศได้รับ คือ ความร้อนจากดวงอาฑิตย์ ที่ส่องผ่านอากาศลงมายังพื้นผิวโลก พลังงานดวงอาฑิตย์ที่ส่องลงมานี้เรียกว่า “พลังงานแสงแดด” (Insolation) ซึ่งมีอิทธิพลต่อสิ่งมีชีวิตในโลกมากที่สุด
พลังงานแสงแดดมีปริมาณที่เปลี่ยนแปลงได้ เนื่องจากโลกโคจรรอบดวงอาฑิตย์เป็นรูปวงรี เป็นผลให้โลกมีตำแหน่งอยู่ใกล้ดวงอาฑิตย์มากที่สุด ในวันที่ 4 กรกฏาคม ซึ่งเรียกตำแหน่งนี้ว่า “เพอริฮีเลี่ยน” (Perihelian) มีระยะทาง 91.5 ล้านไมล์ และอยู่ไกลมากที่สุด ในวันที่ 2 มกราคม ซึ่งเรียกตำแหน่งนี้ว่า “แฮปเฮเลี่ยน” (Aphelian) มีระยะทาง 94.5 ล้านไมล์
พลังงานแสงแดดที่ส่องมากระทบพื้นโลกจะถูกบรรยากาศดูดซับไว้ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งจะเกิดการสะท้อนกลับเมื่อกระทบพื้นผิวโลก การตกกระทบชองลำแสงจากดวงอาฑิตย์ที่กระทำกับผิวโลกมี 2 ลักษณะ คือ ลำแสงตรง และ ลำแสงเฉี่ยง บริเวณที่ลำแสงจากดวงอาฑิตย์ตกกระทบทำมุมกับผิวโลกเป็นมุมมากกว่า 45 องศา ถึง 90 องศา เป็นลำแสงตรง โดยเฉพาะลำแสงที่ทำมุม 90 องศากับพื้นผิวโลก จะเป็นลำแสงที่ทำให้เกิดความร้อนมากที่สุด เนื่องจากเกิดการสะท้อนกลับของลำแสงน้อย พื้นผิวโลกจะดูดซับความร้อนได้อย่างเต็มที ซึ่งได้แก่บริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตรของโลก
ในอีกลักษณะหนึ่ง คือ ลำแสงที่ตกกระทบกับพื้นผิวโลกโดยทำมุมน้อยกว่า 45 องศาลงมา จนถึง 0 องศา ซึ่งเป็นลำแสงเฉี่ยง ลำแสงที่ตกกระทบทำมุมกับผิวโลกน้อยมาก เกิดการสะท้อนกลับเกือบทั้งหมด จะให้พลังงานความร้อนกับผิวโลกน้อย จึงทำให้อุณหภูมิของอากาศบริเวณนั้นต่ำ ได้แก่บริเวณที่อยู่ใกล้กับขั้วโลก ตั้งแต่เส้นละติจูด 66 ½ องศา ขึ้นไป
เนื่องจากแกนของโลกเอียงทำมุม 23 ½ องศา และโลกหมุนรอบดวงอาฑิตย์เป็นรูปวงรี จึงทำให้พื้นผิวโลกด้านที่หันเข้ารับแสงจากดวงอาฑิตย์ซึ่งเป็นเวลากลางวัน มีระยะเวลาไม่เท่ากัน คือ ทำให้ซีกด้านหนีงเป็น ระยะเวลากลางวันยาว (ฤดูร้อน) ทำให้ได้รับพลังงานความร้อนนานกว่าอีกซึกโลกหนึ่ง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีเวลากลางคืนยาว (ฤดูหนาว) เป็นเหตุทำให้เกิดความแตกต่างของการกระจายของแสงจากดวงอาฑิตย์
2. ตำแหน่งที่ตั้งทางละติจูด
บริเวณเส้นศูนย์สูตรของโลก ระหว่างเส้นละติจูด 23 ½ องศาเหนือ ถึงละติจูดที่ 23 ½ องศาใต้ เป็นบริเวณที่ได้รับแสงตรงจากดวงอาฑิตย์มากที่สุด โดยเฉพาะบริเวณเส้นละติจูด 0 องศา ตำแหน่งละติจูดที่อยู่สูงขึ้นไปจะได้รับลำแสงเฉี่ยงจากดวงอาฑิตย์ ยิ่งสูงมากลำแสงที่ตกกระทบยิ่งเฉี่ยงมาก และจะเฉี่ยงมากที่สุดที่บริเวณขั้วโลก
ดังนั้นพื้นทีที่อยู่ใกล้ขั้วโลก หรือบริเวณขั้วโลก จึงมีอุณหภูมิของอากาศต่ำกว่าบริเวณศูนย์สูตร หรือจะกล่าวว่าบริเวณที่มีละติจูดสูงอุณหภูมิของอากาศจะต่ำ (หนาว) บริเวณละติจูดต่ำอุณหภูมิของอากาศจะสูง (ร้อน)
3. ความแตกต่างระหว่างพื้นดิน และพื้นน้ำ
พื้นดินและพื้นน้ำมีคุณสมบัติในการดูดซับความร้อน และการคายความร้อนที่ต่างกัน โดยทั่วไปแล้วพื้นดินมีคุณสมบัติในการดูดซับและคายความร้อนได้เร็วกว่าพื้นน้ำ ดังนั้นเมื่อพื้นดินและพื้นน้ำได้รับพลังงานความร้อนจากลำแสงของดวงอาฑิตย์ในเวลากลางวันพร้อมๆ กันและเท่าๆ กัน บริเวณดพื้นดินจะดูดซับความร้อนได้ดีกว่าจึงมีความร้อนสูงกว่าพื้นน้ำ ซึ่งดูดซับความร้อนได้น้อยกว่า และเมื่อถึงเวลากลางคืน พื้นดินจะมีคุณสมบัติในการคายความร้อนได้ดีกว่าพื้นน้ำ จึงทำให้บริเวณพื้นดินมีอุณหภูมิต่ำกว่าพื้นน้ำ
ผลของความแตกต่างในการดูดซับและคายความร้อนของพื้นดินและพื้นน้ำนี้ เป็นผลที่ทำให้เกิดลักษณะ ภูมิอากาศแบบภาคพื้นทวีป (Contimental) และ ภูมิอากาศแบบภาคพื้นสมุทร (Marine) ซึ่งมีความแตกต่างกันมาก
4. ความใกล้ – ไกล จากทะเลและมหาสมุทร
เนื่องจากบริเวณพื้นดินเป็นบริเวณที่มีแนวโน้มที่จะมีอุณหภูมิสูงกว่าพื้นน้ำ แม้ตั้งอยู่ในตำแหน่งละติจูดเดียวกันก็ตาม ดังนั้นพื้นทีที่อยู่ไกลจากทะเลและมหาสมุทร หรือลึกเข้าไปในแผ่นดินมากๆ อุณหภูมิของอากาศยิ่งร้อนขึ้น เนื่องจากขาดความชุ่มชื้นของไอน้ำจากทะเลและมหาสมุทร พื้นทีที่อยุ่ไกลจากทะเลและมหาสมุทรมากๆ จะเป็นบริเวณที่มีความแตกต่างของอุณหภูมิของอากาศระหว่างฤดูหนาวกับฤดูร้อน แตกต่างกันมาก กล่าวคือ ในฤดูหนาวอุณหภูมิของอากาศจะลดต่ำลงมาก ทำให้อากาศหนาว ถึงหนาวจัด แต่เมื่อถึงฤดูร้อนอุณหภูมิของอากาศจะสูงมาก ทำให้อากาศร้อน ถึงร้อนจัด ส่วนพื้นทีที่อยู่ใกล้กับทะเลและมหาสมุทร ความแตกต่างของอุณหภูมิของอากาศระหว่างฤดูร้อนกับฤดูหนาว มีไม่มากนัก ฤดูร้อนอากาศก็ไม่ร้อนจัด ฤดูหนาวอากาศก็ไม่หนาวมากมายนัก เนื่องจากได้รับอิทธิของไอน้ำจากทะเลและมหาสมุทรนั้นเอง
ทะเลสาบใหญ่ๆ ก็มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศเช่นเดียวกับทะเลและมหาสมุทร ซึ่งอิทธิพลนี้จะเป็นไปตามขนาดของทะเลสาบนั้นๆ หากมีขนาดใหญ่มากก็จะมีอิทธิพลต่อพื้นดินที่อยู่โดยรอบมากๆ เช่นทะเลสาบทั้งห้า (HOMES) ในทวีปอเมริกาเหนือ ที่มีผลต่ออุณหภูมิของอากาศลึกเข้าไปถึง 2.3 กิโลเมตร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น